เราคือบริษัท บริการ การออกแบบ capacitor bank ติดตั้ง ดูแล ติดต่อ CSK 082-338-3810 เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมและ ราคา เกี่ยวกับ ระบบไฟฟ้าอุตสาหกรรม ติดตั้ง ตรวจสอบ บริการแก้ไข ระบบไฟฟ้าโรงงาน ไฟฟ้าแรงสูง หม้อแปลงไฟฟ้า ตู้เมนไฟฟ้า ระบบแสงสว่าง ระบบป้องกันฟ้าผ่า ระบบป้องกันไฟไหม้ ระบบสายดิน ครบวงจร ในงานอุตสาหกรรม งานไฟฟ้า อุตสาหกรรม
การออกแบบ Capacitor Bank หรือ แผงตัวเก็บประจุ เป็นกระบวนการที่สำคัญในการปรับปรุงคุณภาพไฟฟ้าและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าในอาคารหรือโรงงาน โดยการใช้แผงตัวเก็บประจุ (Capacitor Bank) สามารถช่วยลดการสูญเสียพลังงานในระบบไฟฟ้า ปรับปรุงปัจจัยกำลังไฟฟ้า (Power Factor) และลดค่าไฟฟ้าที่เกิดจากการใช้พลังงานไม่เต็มที่ (Reactive Power)
จุดประสงค์ของการใช้ Capacitor Bank
- ปรับปรุงปัจจัยกำลังไฟฟ้า (Power Factor Improvement):
- ปัจจัยกำลังไฟฟ้า (Power Factor) คืออัตราส่วนระหว่างกำลังไฟฟ้าที่ใช้งานจริง (Active Power) กับกำลังไฟฟ้าที่ไหลทั้งหมด (Apparent Power) โดยการเพิ่มตัวเก็บประจุในระบบไฟฟ้า จะช่วยให้ Power Factor สูงขึ้น ส่งผลให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยลดค่าไฟฟ้า
- ลดการสูญเสียพลังงาน (Reduce Losses):
- เมื่อระบบมี Power Factor ต่ำ จะทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของกำลังไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Reactive Power) ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการเพิ่มแผงตัวเก็บประจุ
- การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้า:
- การเพิ่ม Capacitor Bank ช่วยให้กำลังไฟฟ้าที่มีอยู่ในระบบสามารถถูกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดการสูญเสียพลังงานที่ไม่จำเป็น
- ลดภาระของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator):
- ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือหม้อแปลง) เพราะ Power Factor ที่ดีช่วยให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือหม้อแปลงทำงานได้มีประสิทธิภาพ
การออกแบบ Capacitor Bank
การออกแบบ Capacitor Bank ต้องพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานระบบไฟฟ้า
1. การคำนวณขนาดของ Capacitor Bank
- ขนาดของ Capacitor Bank จะต้องสอดคล้องกับการคำนวณ Power Factor Correction ที่ต้องการ โดยปกติแล้วการคำนวณขนาดจะใช้สูตรดังนี้:Qc=P×(tan(cos−1(pf1))−tan(cos−1(pf2)))Q_c = P \times (tan(\cos^{-1}(pf_1)) – tan(\cos^{-1}(pf_2)))Qc=P×(tan(cos−1(pf1))−tan(cos−1(pf2)))
- QcQ_cQc คือ ขนาดของแคปาซิเตอร์ (KVAR) ที่ต้องการ
- PPP คือ กำลังไฟฟ้าจริง (KW)
- pf1pf_1pf1 คือ Power Factor ก่อนการติดตั้ง
- pf2pf_2pf2 คือ Power Factor ที่ต้องการหลังการติดตั้ง
- ตัวอย่าง: หากต้องการปรับปรุง Power Factor จาก 0.7 เป็น 0.95 สำหรับการใช้พลังงาน 500 kWQc=500×(tan(cos−1(0.7))−tan(cos−1(0.95)))Q_c = 500 \times (tan(\cos^{-1}(0.7)) – tan(\cos^{-1}(0.95)))Qc=500×(tan(cos−1(0.7))−tan(cos−1(0.95)))ซึ่งจะได้ขนาดของ Capacitor Bank ที่ต้องการ
2. เลือกประเภทของ Capacitor
- Fixed Capacitor: แผงตัวเก็บประจุที่มีขนาดคงที่ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในกรณีที่โหลดไฟฟ้าไม่เปลี่ยนแปลงมาก
- Automatic Capacitor Bank: ใช้ตัวควบคุมอัตโนมัติในการเปิด-ปิด Capacitor Bank ตามโหลดไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสภาวะ
- Tuned Capacitor Bank: ใช้กับการกรองฮาร์มอนิกหรือการกรองคลื่นความถี่ที่ไม่ต้องการในระบบไฟฟ้า
3. ตำแหน่งติดตั้ง Capacitor Bank
- ติดตั้งที่ต้นทาง (Upstream): การติดตั้ง Capacitor Bank ใกล้กับแหล่งจ่ายไฟ (หม้อแปลงหรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า) จะช่วยปรับปรุง Power Factor ของระบบโดยรวม
- ติดตั้งที่ปลายทาง (Downstream): การติดตั้ง Capacitor Bank ใกล้กับอุปกรณ์ที่มีการใช้ไฟฟ้า (เช่น มอเตอร์หรือเครื่องจักร) จะช่วยลดการสูญเสียพลังงานในวงจรที่มีโหลดไฟฟ้าสูง
4. การคำนวณและการเลือกระดับแรงดัน (Voltage Rating)
- Capacitor Bank ต้องเลือกแรงดันที่ตรงกับแรงดันของระบบไฟฟ้า (เช่น 380V, 480V หรือ 600V)
- การเลือกระดับแรงดันให้ถูกต้องช่วยให้ Capacitor Bank ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงจากการเสียหายของอุปกรณ์
5. การจัดการฮาร์มอนิก (Harmonics)
- การใช้ Capacitor Bank อาจเกิดการขยายสัญญาณฮาร์มอนิกในระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะในระบบที่มีเครื่องมือไฟฟ้าที่สร้างฮาร์มอนิกสูง เช่น อินเวอร์เตอร์ มอเตอร์ไฟฟ้า หรือแหล่งจ่ายไฟที่ไม่สมบูรณ์
- การเลือก Tuned Capacitor Bank สามารถช่วยลดการขยายฮาร์มอนิกและปรับปรุงคุณภาพไฟฟ้า
6. การติดตั้งการป้องกันและการควบคุม
- ใช้ อุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้า เช่น ฟิวส์, เบรกเกอร์, อุปกรณ์ป้องกันการเกิดกระแสเกิน เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายจากกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ
- ตัวควบคุมอัตโนมัติ (Automatic Power Factor Controller) ควบคุมการทำงานของ Capacitor Bank โดยอัตโนมัติ โดยจะเปิดหรือปิดตามโหลดที่ต้องการ
ข้อดีของการใช้ Capacitor Bank
- เพิ่ม Power Factor:
การติดตั้ง Capacitor Bank จะช่วยปรับปรุง Power Factor ของระบบไฟฟ้า ทำให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น - ลดการสูญเสียพลังงาน:
ลดการสูญเสียที่เกิดจากการไหลของกระแสไฟฟ้าสำรอง (Reactive Power) ที่ไม่สามารถทำงานได้ - ประหยัดค่าไฟฟ้า:
ระบบที่มี Power Factor สูงจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าปรับที่เกิดจาก Power Factor ต่ำ - ช่วยลดภาระของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและหม้อแปลง:
เมื่อ Power Factor ดีขึ้น จะช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและหม้อแปลง ทำให้เครื่องจักรทำงานได้มีประสิทธิภาพสูงสุด - ปรับปรุงคุณภาพไฟฟ้า:
ช่วยลดการเกิดฮาร์มอนิกที่ไม่พึงประสงค์และช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีความเสถียร
ข้อเสียของ Capacitor Bank
- ต้องการการบำรุงรักษา:
Capacitor Bank ต้องได้รับการบำรุงรักษาและตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ - สามารถเกิดการ over-correction:
การใช้ Capacitor Bank มากเกินไปอาจทำให้ระบบเกิดการ “over-correction” ซึ่งจะทำให้ Power Factor กลายเป็นค่ามากเกินไปและอาจเกิดปัญหากับระบบไฟฟ้า - ค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง:
ค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง Capacitor Bank และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอาจสูง
การออกแบบ Capacitor Bank เป็นกระบวนการที่สำคัญในการปรับปรุง Power Factor และประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระบบไฟฟ้า การคำนวณขนาดที่เหมาะสม การเลือกประเภทของ Capacitor และการติดตั้งอย่างถูกต้องจะช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีความเสถียรและประหยัดพลังงานมากขึ้น
ความรู้ดีดีจาก การไฟฟ้า