เราคือบริษัท บริการ ตรวจ บริภัณฑ์ ไฟฟ้า ออกแบบ ติดตั้งระบบไฟฟ้า ดูแล ติดต่อ CSK 082-338-3810 เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมและ ราคา เกี่ยวกับ ระบบไฟฟ้าอุตสาหกรรม ติดตั้ง ตรวจสอบ บริการแก้ไข ระบบไฟฟ้าโรงงาน ไฟฟ้าแรงสูง หม้อแปลงไฟฟ้า ตู้เมนไฟฟ้า ระบบแสงสว่าง ระบบป้องกันฟ้าผ่า ระบบป้องกันไฟไหม้ ระบบสายดิน ครบวงจร ในงานอุตสาหกรรม งานไฟฟ้า อุตสาหกรรม
การตรวจ บริภัณฑ์ ไฟฟ้า (Electrical Equipment Inspection) เป็นกระบวนการตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์เหล่านั้นสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด การตรวจสอบนี้เป็นสิ่งจำเป็นในโรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ และที่พักอาศัย
ขั้นตอนการตรวจบริภัณฑ์ไฟฟ้า
1. การตรวจสอบเบื้องต้น (Visual Inspection)
- สภาพภายนอก:
- ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับรอยร้าว ความเสียหาย หรือสนิม
- ตรวจสอบฉนวนสายไฟว่ามีรอยแตกหรือฉีกขาดหรือไม่
- การเชื่อมต่อ:
- ตรวจสอบว่าจุดเชื่อมต่อสายไฟแน่นหนา ไม่มีหลวม
- ตรวจสอบขั้วต่อและปลั๊กว่าอยู่ในสภาพดี
- ความสะอาด:
- ทำความสะอาดอุปกรณ์เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและความชื้น
2. การตรวจสอบทางไฟฟ้า (Electrical Testing)
- แรงดันไฟฟ้า (Voltage):
- ใช้เครื่องวัดแรงดันไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบว่าแรงดันไฟฟ้าอยู่ในระดับที่เหมาะสม
- กระแสไฟฟ้า (Current):
- ตรวจวัดกระแสไฟฟ้าในวงจรเพื่อตรวจสอบว่าอยู่ในค่าที่กำหนด
- ค่าความต้านทาน (Resistance):
- ใช้เครื่องวัดค่าความต้านทานเพื่อตรวจสอบการต่อสายดินและความสมบูรณ์ของวงจร
- ค่าฉนวนไฟฟ้า (Insulation Resistance):
- ใช้เครื่อง Megger ตรวจสอบฉนวนไฟฟ้าของสายไฟและอุปกรณ์ว่าอยู่ในค่าที่เหมาะสม
- การทดสอบการรั่วไหล (Leakage Current):
- ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าที่อาจรั่วไหลผ่านอุปกรณ์หรือสายไฟ
3. การทดสอบอุปกรณ์ป้องกัน (Protection Devices Testing)
- เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Circuit Breaker):
- ตรวจสอบการทำงานของเบรกเกอร์ว่าตัดไฟเมื่อเกิดกระแสเกินหรือไฟฟ้าลัดวงจร
- RCD หรือ ELCB:
- ทดสอบอุปกรณ์ป้องกันกระแสไฟรั่ว (Residual Current Device) ว่าตัดไฟได้ตามค่ากำหนด
- ระบบสายดิน (Earthing System):
- ตรวจสอบค่าความต้านทานของระบบสายดินให้อยู่ในค่าที่เหมาะสม (น้อยกว่า 10 โอห์ม)
4. การตรวจสอบตามมาตรฐาน (Compliance Testing)
- ตรวจสอบว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าและการติดตั้งเป็นไปตามมาตรฐาน เช่น:
- มอก. (ประเทศไทย)
- IEC (มาตรฐานสากล)
- NFPA หรือ NEC (มาตรฐานอเมริกา)
5. การทดสอบการทำงาน (Functional Testing)
- เปิดและปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อตรวจสอบการทำงานว่าปกติหรือไม่
- ทดสอบระบบควบคุม เช่น รีเลย์, ตัวจับเวลา หรือเซ็นเซอร์ต่าง ๆ
เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบ
- เครื่องมัลติมิเตอร์ (Multimeter) สำหรับวัดแรงดัน กระแส และค่าความต้านทาน
- เครื่อง Megger สำหรับทดสอบค่าฉนวนไฟฟ้า
- เครื่องวัดกระแสรั่วไหล (Leakage Current Tester)
- เครื่องวัดค่าความต้านทานดิน (Earth Tester)
- เครื่อง Thermal Scanner สำหรับตรวจสอบความร้อนผิดปกติในอุปกรณ์
ข้อควรระวัง
- ความปลอดภัย:
- ปิดวงจรไฟฟ้าก่อนตรวจสอบ (หากจำเป็น) และใช้เครื่องมือป้องกัน เช่น ถุงมือยางและรองเท้ากันไฟฟ้า
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสส่วนที่เป็นไฟฟ้าขณะทำการตรวจสอบ
- ความรู้และทักษะ:
- ให้ช่างไฟฟ้าหรือวิศวกรไฟฟ้าที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบ
- การบำรุงรักษาหลังการตรวจสอบ:
- แก้ไขหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ที่มีปัญหา เช่น สายไฟเก่าหรือฉนวนที่เสื่อมสภาพ
ความถี่ในการตรวจสอบ
- อุปกรณ์ไฟฟ้าในอุตสาหกรรม: ตรวจสอบทุก 6 เดือนถึง 1 ปี
- อุปกรณ์ไฟฟ้าในอาคารพาณิชย์: ตรวจสอบปีละครั้ง
- อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับงานหนัก: ตรวจสอบบ่อยขึ้นตามความเสี่ยง เช่น ทุก 3 เดือน
การตรวจสอบบริภัณฑ์ไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของอันตรายจากไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟฟ้ารั่ว และช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์.
ความรู้ดีดีจาก การไฟฟ้า