เราคือบริษัท บริการ ติดตั้ง ระบบ fire alarm ออกแบบ ติดตั้งระบบไฟฟ้า ดูแล ติดต่อ CSK 082-338-3810 เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมและ ราคา เกี่ยวกับ ระบบไฟฟ้าอุตสาหกรรม ติดตั้ง ตรวจสอบ บริการแก้ไข ระบบไฟฟ้าโรงงาน ไฟฟ้าแรงสูง หม้อแปลงไฟฟ้า ตู้เมนไฟฟ้า ระบบแสงสว่าง ระบบป้องกันฟ้าผ่า ระบบป้องกันไฟไหม้ ระบบสายดิน ครบวงจร ในงานอุตสาหกรรม งานไฟฟ้า อุตสาหกรรม
มาตรฐาน การติดตั้ง ระบบ fire alarm (ระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัย) มีมาตรฐานที่กำหนดเพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยมาตรฐานเหล่านี้ครอบคลุมการออกแบบ ติดตั้ง ทดสอบ และบำรุงรักษา
มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้ง Fire Alarm
- NFPA 72 (National Fire Alarm and Signaling Code)
- เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
- ครอบคลุมการติดตั้ง, การบำรุงรักษา, และการตรวจสอบระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัย
- BS 5839 (British Standard for Fire Detection and Fire Alarm Systems)
- ใช้ในสหราชอาณาจักร
- มาตรฐานนี้ครอบคลุมทั้งระบบสำหรับอาคารพักอาศัยและอาคารพาณิชย์
- IEC 60331 และ IEC 60332
- มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสายไฟสำหรับระบบ Fire Alarm เพื่อทนไฟ
- มาตรฐานไทย (มยผ. 6101-50)
- มาตรฐานระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้สำหรับประเทศไทย
องค์ประกอบของระบบ Fire Alarm
- อุปกรณ์ตรวจจับ (Detectors)
- Smoke Detectors: ตรวจจับควัน
- Heat Detectors: ตรวจจับความร้อน
- Flame Detectors: ตรวจจับเปลวไฟ
- Multi-Sensor Detectors: ตรวจจับควัน, ความร้อน, และแก๊ส
- อุปกรณ์แจ้งเตือน (Notification Devices)
- Bell: กระดิ่งเสียงดัง
- Horn: สัญญาณเสียง
- Strobe Light: สัญญาณไฟกระพริบ
- ตู้ควบคุม (Fire Alarm Control Panel, FACP)
- เป็นศูนย์กลางในการควบคุมและแสดงสถานะของระบบ
- อุปกรณ์เปิดแจ้งเหตุ (Manual Call Point)
- อุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานสามารถกดเพื่อแจ้งเหตุเพลิงไหม้
- อุปกรณ์เสริม
- Interface Modules: ใช้เชื่อมต่อกับระบบอื่น เช่น ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ
- Power Supply: แบตเตอรี่สำรอง
หลักการออกแบบและติดตั้ง
1. การเลือกตำแหน่งตรวจจับ
- Smoke Detectors: ติดตั้งบริเวณที่มีโอกาสเกิดควัน เช่น ใกล้ฝ้าเพดาน
- Heat Detectors: ติดตั้งในพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดความร้อนสูง เช่น ห้องครัว
- ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งใกล้กับแหล่งลม เช่น พัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ
2. การเดินสาย
- ใช้สายไฟที่มีความทนไฟตามมาตรฐาน IEC 60331
- เดินสายในท่อร้อยสายเพื่อป้องกันความเสียหาย
3. การตั้งค่าระบบ
- กำหนดโซน (Zone) หรือที่อยู่ (Address) ให้เหมาะสมกับอาคาร
- ระบบควรมีการแจ้งเตือนทั้งภาพและเสียง
4. การติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเหตุ
- ติดตั้ง Manual Call Point ในระดับความสูง 1.2–1.5 เมตร
- วางตำแหน่งในจุดที่มองเห็นและเข้าถึงง่าย
5. การเชื่อมต่อระบบอื่น
- เชื่อมต่อกับระบบดับเพลิงอัตโนมัติ (Sprinkler) หรือระบบอพยพ
การตรวจสอบและบำรุงรักษา
1. การทดสอบระบบ
- ทดสอบการทำงานของอุปกรณ์ตรวจจับทุกตัว
- ตรวจสอบการทำงานของตู้ควบคุม
- ตรวจสอบการแจ้งเตือนผ่านอุปกรณ์เสียงและไฟ
2. การบำรุงรักษา
- ทำความสะอาดอุปกรณ์ตรวจจับ (Detectors) เพื่อป้องกันฝุ่นหรือสิ่งสกปรก
- เปลี่ยนแบตเตอรี่สำรองทุก 1-2 ปี
- ตรวจสอบสายไฟและการเชื่อมต่อให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์
3. ความถี่ในการตรวจสอบ
- ตรวจสอบและทดสอบระบบ Fire Alarm อย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง
ข้อกำหนดสำคัญ
- การเข้าถึงอุปกรณ์:
- อุปกรณ์ต้องสามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับการตรวจสอบและซ่อมบำรุง
- สำรองไฟฟ้า:
- ระบบต้องมีแบตเตอรี่สำรองที่สามารถจ่ายพลังงานได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- การรายงานเหตุ:
- ระบบควรแจ้งเตือนเหตุการณ์ไปยังหน่วยงานดับเพลิงหรือศูนย์ควบคุม
ข้อควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการติดตั้งในพื้นที่ที่อุปกรณ์อาจได้รับผลกระทบจากความชื้นหรือสารเคมี
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการติดตั้งเป็นไปตามมาตรฐานและกฎหมายท้องถิ่น
การติดตั้งระบบ Fire Alarm ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น NFPA 72, BS 5839, หรือมาตรฐานไทย เพื่อให้ระบบสามารถตรวจจับและแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งควรบำรุงรักษาและตรวจสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ.
ความรู้ดีดีจาก การไฟฟ้า