หม้อแปลงกระแส หน้าที่

ลดขนาดกระแสไฟฟ้าเพื่อการวัด:
- ใช้ลดกระแสไฟฟ้าที่ไหลในวงจรไฟฟ้าแรงสูง (เช่น 1000A) ให้เหลือกระแสขนาดเล็ก (เช่น 5A หรือ 1A) เพื่อให้สามารถใช้งานกับเครื่องมือวัด (เช่น แอมป์มิเตอร์ หรือเครื่องวัดพลังงานไฟฟ้า) ได้โดยปลอดภัย
ป้องกันระบบไฟฟ้า:
- ใช้ร่วมกับรีเลย์ป้องกัน (Protection Relay) เพื่อตรวจจับความผิดปกติ เช่น กระแสลัดวงจร หรือกระแสเกินในระบบไฟฟ้า และส่งสัญญาณให้รีเลย์สั่งตัดวงจรเพื่อป้องกันความเสียหาย
แยกวงจรวัดและควบคุมจากวงจรแรงสูง:
- ช่วยแยกวงจรเครื่องมือวัดหรือรีเลย์ออกจากระบบไฟฟ้าแรงสูง เพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์และผู้ใช้งาน

ขดลวดปฐมภูมิ (Primary Winding):
- ต่ออยู่ในวงจรไฟฟ้าหลักที่ต้องการวัดกระแสไฟฟ้า กระแสที่ไหลในขดลวดนี้มักมีค่ามาก (สูงถึงหลายพันแอมป์)
ขดลวดทุติยภูมิ (Secondary Winding):
- ต่ออยู่กับเครื่องมือวัดหรือรีเลย์ กระแสในขดลวดนี้จะถูกลดลงตามอัตราส่วนหม้อแปลง (Current Ratio)
แกนเหล็ก (Core):
- ช่วยส่งผ่านสนามแม่เหล็กจากขดลวดปฐมภูมิไปยังขดลวดทุติยภูมิ

การวัดพลังงานไฟฟ้าในโรงงาน:
- ใช้ CT เพื่อลดกระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ให้เครื่องมือวัดสามารถอ่านค่าได้ เช่น แอมป์มิเตอร์หรือเครื่องวัดพลังงาน (Energy Meter)
ระบบป้องกันการลัดวงจร:
- ใช้ร่วมกับรีเลย์ป้องกัน (Protection Relay) เช่น Overcurrent Relay หรือ Differential Relay เพื่อตรวจจับและตัดกระแสเมื่อเกิดความผิดปกติ
การวัดและตรวจสอบในระบบไฟฟ้าแรงสูง:
- ใช้ CT เพื่อให้สามารถตรวจสอบกระแสในสายส่งแรงสูงโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออุปกรณ์วัดโดยตรงกับสายแรงสูง

ขดลวดทุติยภูมิของ CT ต้องไม่เปิดวงจร (Open Circuit) ขณะทำงาน เพราะแรงดันที่เกิดขึ้นอาจสูงจนทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์หรือเป็นอันตรายต่อผู้ปฏิบัติงาน
การเลือก CT ควรพิจารณา อัตราส่วนกระแส (Current Ratio) และ พิกัดกำลัง (Burden) ให้เหมาะสมกับโหลดและเครื่องมือวัดที่ใช้

หม้อแปลงกระแสเป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวข้องกับการวัดและการป้องกันระบบ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและปลอดภัย.

ความรู้ดีดีจาก การไฟฟ้า