ติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire Alarm System) คือระบบที่ใช้ตรวจจับเหตุการณ์ไฟไหม้ในอาคารด้วยการใช้เซ็นเซอร์ประเภทต่าง ๆ เช่น เซ็นเซอร์ควัน, เซ็นเซอร์ความร้อน หรือเซ็นเซอร์การตรวจจับเปลวไฟ ซึ่งระบบจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ผิดปกติผ่านเสียงและแสง โดยระบบนี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยได้อย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อระบบทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพ
การติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้มีทั้งแบบที่ระบุตำแหน่งได้อย่างแม่นยำและแบบที่สามารถแบ่งเป็นโซนได้ โดยการเลือกติดตั้งระบบที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของอาคาร
ติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ มีกี่ประเภท?
ติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้มี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ระบบไฟร์อลามแบบระบุตำแหน่ง (Addressable System) และระบบไฟร์อลามแบบระบุโซน (Conventional System)


1. ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ แบบระบุตำแหน่ง (Addressable System)
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบระบุตำแหน่งเป็นระบบที่สามารถระบุตำแหน่งของเหตุการณ์เพลิงไหม้ได้อย่างแม่นยำ โดยอุปกรณ์ทุกชิ้นในระบบ เช่น เซ็นเซอร์ควัน, เซ็นเซอร์ความร้อน, หรืออุปกรณ์แจ้งเตือน จะมีรหัสเฉพาะที่เชื่อมโยงกับแผงควบคุม ทำให้สามารถแสดงตำแหน่งที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ทันที
อาคารที่เหมาะสม: อาคารสำนักงานขนาดใหญ่, ห้างสรรพสินค้า, โรงงาน, โรงพยาบาล, อพาร์ตเมนต์สูง
ข้อดี:
- ระบุตำแหน่งได้แม่นยำ
- ลดความผิดพลาดในการแจ้งเตือน
- เหมาะสำหรับอาคารขนาดใหญ่หรือที่มีความซับซ้อน
- การบำรุงรักษาง่ายเนื่องจากสามารถระบุจุดที่ต้องซ่อมแซมหรือเปลี่ยนได้ทันที
ข้อเสีย:
- ต้นทุนสูงกว่า
- ต้องการช่างที่มีความชำนาญในการติดตั้งและบำรุงรักษา
2. ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบระบุโซน (Conventional System)
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบระบุโซนเป็นระบบที่สามารถแบ่งอาคารออกเป็นโซน และหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ ระบบจะระบุเพียงว่าเกิดในโซนใด แต่ไม่สามารถบอกตำแหน่งที่เกิดเหตุได้อย่างชัดเจนเหมือนระบบแบบระบุตำแหน่ง
อาคารที่เหมาะสม: อาคารสำนักงานขนาดเล็ก, โรงงานขนาดเล็ก, บ้านพักอาศัย, โรงเรียน
ข้อดี:
- ต้นทุนต่ำกว่า
- ติดตั้งง่าย และไม่ซับซ้อน
- เหมาะสำหรับอาคารที่มีขนาดเล็กถึงกลาง
ข้อเสีย:
- ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่เกิดเหตุได้ชัดเจน
- ต้องการการเดินสายไฟมากกว่า
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ แบบไหนเหมาะกับการติดตั้งในอาคาร?
การเลือกติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้จะขึ้นอยู่กับลักษณะของอาคารและความซับซ้อนของพื้นที่
- อาคารขนาดใหญ่และมีความซับซ้อน
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบระบุตำแหน่ง (Addressable System) เหมาะสมกว่า เพราะสามารถระบุจุดเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำ และสามารถควบคุมการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- อาคารขนาดเล็กหรือที่ไม่ซับซ้อนมาก
ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบระบุโซน (Conventional System) ก็สามารถใช้งานได้ดี โดยจะช่วยแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ในโซนที่กำหนด
การบำรุงรักษาและการตรวจสอบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้
การบำรุงรักษาและตรวจสอบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ระบบทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและป้องกันเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างมีประสิทธิผล
การทดสอบระบบ:
- ทดสอบการทำงานของอุปกรณ์ตรวจจับทุกตัว เพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถตรวจจับไฟหรือควันได้แม่นยำ
- ตรวจสอบการทำงานของตู้ควบคุม เพื่อให้การส่งสัญญาณแจ้งเตือนเป็นไปอย่างถูกต้อง
- ตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์เสียงและไฟที่ใช้ในการแจ้งเตือน เพื่อให้เสียงดังพอและไฟแสดงผลชัดเจน

การบำรุงรักษา:
- ทำความสะอาดอุปกรณ์ตรวจจับ (Detectors) เพื่อป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้การทำงานของอุปกรณ์ผิดพลาด
- เปลี่ยนแบตเตอรี่สำรองทุก 1-2 ปี เพื่อให้ระบบยังคงทำงานได้ในกรณีไฟฟ้าขัดข้อง
- ตรวจสอบสายไฟและการเชื่อมต่อให้แน่ใจว่าไม่มีความเสียหายและสามารถใช้งานได้ตามปกติ

ความถี่ในการตรวจสอบ:
- ควรทำการตรวจสอบและทดสอบระบบ Fire Alarm อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นทำงานได้อย่างสมบูรณ์
ข้อกำหนดสำคัญ:
- การเข้าถึงอุปกรณ์: อุปกรณ์ต้องสามารถเข้าถึงได้ง่ายในการตรวจสอบและซ่อมบำรุง
- สำรองไฟฟ้า: ระบบต้องมีแบตเตอรี่สำรองที่สามารถจ่ายพลังงานได้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
- การรายงานเหตุ: ระบบควรสามารถแจ้งเตือนเหตุการณ์ไปยังหน่วยดับเพลิงหรือศูนย์ควบคุมทันที เพื่อให้การตอบสนองเกิดขึ้นโดยเร็ว
สรุป
การติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ในอาคารเป็นการป้องกันภัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยจากอัคคีภัย โดยระบบไฟร์อลามมีสองประเภทหลักคือ ระบบแบบระบุตำแหน่ง (Addressable System) สำหรับอาคารขนาดใหญ่ และระบบแบบระบุโซน (Conventional System) สำหรับอาคารขนาดเล็กถึงกลาง การเลือกระบบที่เหมาะสมกับประเภทของอาคารจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมเหตุการณ์และลดความเสี่ยงจากเพลิงไหม้ได้ บริษัท ซีเอสเค เพาเวอร์ เทคโนโลยี จำกัด เชี่ยวชาญในการออกแบบและติดตั้งระบบดังกล่าวอย่างมีมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของลูกค้า
FAQ
Q: ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบ Addressable คืออะไร?
A: ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ แบบ Addressable เป็นระบบที่สามารถระบุตำแหน่งที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ได้อย่างแม่นยำ โดยใช้อุปกรณ์ที่มีรหัสเฉพาะเชื่อมต่อกับแผงควบคุม
Q: ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้แบบ Conventional เหมาะกับอาคารประเภทไหน?
A: ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ แบบ Conventional เหมาะสำหรับอาคารขนาดเล็กถึงกลาง เช่น บ้านพักอาศัยหรือโรงงานขนาดเล็ก
Q. การบำรุงรักษาและการตรวจสอบระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ต้องการการบำรุงรักษาบ่อยแค่ไหน?
A. ควรได้รับการตรวจสอบและทดสอบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นทำงานได้อย่างสมบูรณ์และไม่มีข้อผิดพลาดที่อาจส่งผลต่อความปลอดภัย
Q. ทำไมต้องทำความสะอาดอุปกรณ์ตรวจจับและเปลี่ยนแบตเตอรี่สำรองทุก 1-2 ปี?
A. การทำความสะอาดอุปกรณ์ตรวจจับจะช่วยป้องกันฝุ่นและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้การทำงานผิดพลาด ส่วนการเปลี่ยนแบตเตอรี่สำรองทุก 1-2 ปีจะช่วยให้ระบบสามารถทำงานได้ต่อเนื่องในกรณีที่ไฟฟ้าหลักขัดข้อง
Q: บริษัทไหนที่ให้บริการติดตั้งระบบแจ้งเหตุไฟไหม้ครบวงจร?
A: บริษัท ซีเอสเค เพาเวอร์ เทคโนโลยี จำกัด ให้บริการติดตั้งระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ครบวงจร ทั้งการออกแบบ ติดตั้ง และบำรุงรักษา ด้วยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากกว่า 16 ปี
☎️ Tel: 02-583-1441, 065-239-4655
🟢 Line: @cskpower
📬 Email: csk.powertech.office@gmail.com
📘 Facebook: ซีเอสเค เพาเวอร์ เทคโนโลยี จำกัด